จับตรงไหนก็พัง

จับตรงไหนก็พัง

จับตรงไหนก็พัง : เบื้องหลังสุดดราม่าก่อนคว้าแชมป์โลก 1998 ของฝรั่งเศส

จับตรงไหนก็พัง ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1998 ท่ามการกระแสก่อนแข่งสุดร้อนแรง เมื่อสื่อในบ้านตัวเองบอกว่าเป็นทีมชุดที่ขี้ขลาด และเลือกนักเตะโดยโค้ชที่มือไม่ถึง

จับตรงไหนก็พัง

นี่คือเรื่องราวการสร้างทีมแชมป์โลกจากทีมที่จับตรงไหนก็พัง มีเรื่องให้ต้องซ้อมทุกจุดในเวลา 5 ปี ของทัพ เลส์ เบลอส์

ทุกคำด่า ทุกดราม่า ถูกกางปีกรับโดยโค้ชทีชื่อว่า เอเม ฌาคเกต์ ชายผู้ถือคัมภีร์แชมป์โลกในวันที่ใครหลายคนส่ายหัวให้กับเขา

1994 ล้มเหลวเพราะอะไร ? 

ทุกวันนี้เชื่อว่าแฟนบอลทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกันอย่างไร้ข้อโต้แย้งว่า ฝรั่งเศสคือหนึ่งในชาติที่เอกอุที่สุดในด้านฟุตบอล นักเตะคุณภาพมากมายเกิดขึ้นคนแล้วคนเล่า และในรอบ 20 ปี พวกเขาสามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 2 ครั้งและแชมป์ยุโรปอีก 1 หน

ทว่าในช่วงต้นยุค 1990s ทัพตราไก่ คือทีมที่พยายามตะเกียกตะกายอย่างหนักเพื่อชัยชนะแต่ละเกม และเมื่อถึงแมตช์ที่ชี้เป็นชี้ตาย พวกเขากลับบ้อท่าไม่สามารถคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ล้มเหลวในตอนจบ” ได้อย่างเต็มปาก

สิ่งยืนยันจากคำกล่าวข้างต้นคือ ฝรั่งเศสคือทีมที่ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1990 ในอีก 2 ปีต่อมาพวกเขาก็ตกรอบแบ่งกลุ่มในศึกยูโร 1992 ความล้มเหลว 2 ครั้ง 2 คราทำให้พวกเขาตั้งใจกับฟุตบอลโลก 1994 เป็นอย่างมาก และตั้งเป้าหมายว่าจะต้องไปเล่นในรอบสุดท้ายของเวิลด์คัพฉบับอเมริกาให้ได้

เริ่มต้นจากการจ้าง เชราร์ อุลลิเยร์ ที่พาทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในปี 1986 เข้ามาเป็นเฮดโค้ช เพื่อดูแลทีมที่สื่อในประเทศเรียกว่า “กลุ่มนักเตะยุคทอง” นำโดย 2 ดาวยิงที่ยิงกันระเบิดระเบ้อแห่งยุคนั้นอย่าง เอริค คันโตน่า และ ฌอง ปิแอร์ ปาแป็ง รวมถึงปีกที่ได้ฉายาว่า “นักฆ่า” อย่าง ดาวิด ชิโนลา นอกจากนี้ทีมยังประกอบด้วยแข้งดาวรุ่งที่กำลังพัฒนาเป็นกำลังหลักอย่าง ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, เอ็มมานูเอล เปอตีต์ และ มาร์กแซล เดอไซญี่ โดยมี โลรองต์ บลองก์ หนึ่งในนักเตะที่ถูกเรียกว่ากองหลังที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสเป็นผู้นำในเกมรับ

จากรายชื่อที่กล่าวมา งานของพวกเขาคงไม่น่าจะเป็นเรื่องอยากอะไรกับการแค่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอล เพราะทีมที่่ร่วมกลุ่มในรอบคัดเลือกประกอบด้วย สวีเดน, บัลแกเรีย, ออสเตรีย, ฟินแลนด์ และ อิสราเอล ซึ่งหากจะมองว่ามีทีมไหนแข็งที่สุดก็น่ามีแค่ 2 ทีมคือ สวีเดน ที่นำโดย มาร์ติน ดาห์ลิน และ โทมัส โบรลิน ขณะที่อีกทีมหนึ่งคือ บัลแกเรีย ที่มี ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ จาก บาร์เซโลน่า และ คราซิเมียร์ บาลาคอฟ เป็นตัวชูโรง … แต่ถึงแม้อย่างนั้นฝรั่งเศสก็ยังมีหน้าเสื่อที่แข็งกว่าอยู่ดี

อย่างไรก็ตามความล้มเหลวของทีมชุดนั้นคือแม้จะมีสตาร์แถวหน้าของโลกลูกหนัง แต่ฝรั่งเศสกลับไม่สามารถรวมทีมให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ เรื่องเริ่มจาก ดาวิด ชิโนลา ที่กำลังท็อปฟอร์ม ณ เวลานั้นออกมาวิจารณ์เพื่อนร่วมทีมอย่าง คันโตน่า และ ปาแป็ง ว่าไม่เหมาะสมที่จะถูกเลือกเป็นตัวจริงก่อนหน้าเขา

จุดนี้ต้องขอเท้าความว่ามันเป็นเรื่องบาดหมางกันมาตั้งแต่สมัยเล่นให้กับสโมสร เพราะ คันโตน่า และ ปาแป็ง นั้นเคยเล่นให้ โอลิมปิก มาร์กเซย ซึ่งเป็นคู่ปรับโดยตรงกับ เปแอสเช ที่ ชิโนลา สังกัดอยู่ ซึ่งการที่ ชิโนลา วิพากษ์ทั้ง 2 คนผ่านสื่อทำให้แฟนบอลของเปแอสเชคล้อยตาม ซึ่งทุก ๆ เกมที่ฝรั่งเศสลงเล่นใน ปาร์ค เดอ แพรงส์ ที่เป็นสังเวียนเหย้าของเปแอสเช แฟนบอลกลุ่มหนึ่งจะตะโกนโห่ใส่คันโตน่าและปาแป็งตลอดเวลา ซึ่งทำให้ทีมสปิริตนั้นย่ำแย่ และนักเตะในแนวรุกที่เป็นตัวความหวังของทีมต้องเล่นกันแบบต่างคนต่างไปพึ่งตัวเองมากกว่าจะเชื่อใจกัน

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลได้ที่ : รีวิวเว็บแทงบอลที่น่าเชื่อถือ

ขอขอบคุณข่าวสารวงการกีฬาจาก : Siamsport

Related Posts